รูปหลวงตาพวงเดินบิณฑบาตรในวันที่ฝนตก เป็นรูปที่บรรดาลูกศิษย์ลูกหาทั้งหลายคงรู้สึกชินตามากที่สุดรูปหนึ่ง ตลอดระยะเวลากว่า 40 ปีที่หลวงตาพวงท่านมาจำพรรษาที่วัดศรีธรรมาราม จ.ยโสธร ชาวยโสธรได้เห็นภาพเหล่านี้แทบทุกวันมิได้ขาด หากท่านไม่มีกิจนิมนต์ที่ไหน แม้ในวันที่ฝนตก แดดออก การออกบิณฑบาตของท่านนั้นไม่เว้นแม้แต่ช่วงเวลาที่หลวงตาเริ่มมีอายุมากขึ้นเดินไกลๆไม่ไหว ท่านก็จะให้ลูกศิษย์พานั่งสามล้อซาเล้งออกไปบิณฑบาตโปรดญาติโยมเป็นประจำ ต่อมาภายหลังบรรดาลูกศิษย์ได้ซื้อรถกอล์ฟมาถวาย ท่านก็ได้ใช้รถกอล์ฟนั้นแทน
แม้ในช่วงที่ท่านอาพาธเป็นมะเร็ง ท่านก็ยังนั่งรถกอล์ฟออกโปรดญาติโยมเช่นเคย โดยมิได้เห็นแก่สุขภาพของท่าน นี่คือวัตรปฏิบัติของหลวงตาพวง สุขินทริโย ตลอดมา เพราะการบิณฑบาต คือหลักข้อหนึ่งใน 13 ธุดงควัตร ที่พระธุดงค์กรรมฐานในสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด หลวงตาพวงแม้ท่านจะเป็นพระผู้ใหญ่ แต่ท่านก็ได้ยึดถือหลักปฏิบัตินี้เช่นกัน เป็นแบบอย่างที่ดีต่อพระเณรทั้งหลาย
หลวงตาเล่าให้ฟังถึงวัตรปฏิบัติเกี่ยวกับการบิณฑบาตนี้ ตอนที่ท่านย้ายไปอยู่วัดศรีธรรมารามว่า
"เมื่อไปถึงทีแรกชาวเมืองยโสธรใส่บาตรพระเณรเพียงแต่ข้าวเปล่า ๆ ประมาณสองปั้นหรือสองกำมือ หลวงตาได้พิจารณาเห็นว่าเป็นเพราะเจ้าอาวาสหรือพระผู้ใหญ่ไม่ได้บิณฑบาต ชาวบ้านจึงขาดศรัทธา จึงมีผู้สนใจในการทำบุญน้อย หลวงตาจึงออกบิณฑบาตด้วยตนเอง มิได้ขาด ถึงแม้ฝนจะตกก็ออกบิณฑบาตเป็นปกติ แม้ในวันพระวัดต่าง ๆ ไม่ออกบิณฑบาต หลวงตาก็ยังคงพาพระเณรออกบิณฑบาตโปรดญาติโยมเป็นปกติ โดยไม่เลือกว่าเป็นวัดใด ถึงฝนจะตกแดดจะออกหลวงตาก็ยังไป”
เมื่อชาวเมืองยโสธรเห็นหลวงตาออกบิณฑบาตทุก ๆ เช้าเป็นประจำทุก ๆ วัน มิได้ขาด ชาวเมืองยโสธรก็มีศรัทธาใส่บาตรมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งปัจจุบันวันหนึ่ง ๆ ต้องเทบาตรออกถึง 4 ถึง 5 ครั้ง ด้วยอานิสงส์ของการบิณฑบาตมิได้ขาด เมื่อได้อาหารมาแล้ว หลวงตาพวงท่านก็นำอาหารเหล่านั้นมาเลี้ยงพระ เลี้ยงเณร เด็กเล็ก ตลอดจนชาวบ้านที่มีความลำบาก ก็ได้อานิสงส์จากข้าวก้นบาตรของหลวงตาพวงด้วยกันถ้วนหน้า
หลวงตาพวงท่านเปรียบเทียบการให้ผู้อื่นหรือการให้ทานว่า
“การให้ทานเหมือนกับสายน้ำที่มีไหลออกไป หล่อเลี้ยงผืนแผ่นดินให้ชุ่มเย็น เมื่อมีน้ำไหลออกก็ย่อมมีน้ำไหลเข้าเป็นธรรมดา เช่นเดียวกับการให้ทานยิ่งให้ก็ยิ่งได้ เหมือนกับแม่น้ำที่ยิ่งใหญ่หล่อเลี้ยงสรรพชีวิตทั้งหลาย หากไม่รู้จักให้หรือทำทานก็เปรียบได้กับน้ำบ่อที่มีจำนวนจำกัด มีแต่จะแห้งขอดและเน่าเสียต่อไปในไม่ช้า”
นี่จึงเป็นตัวอย่างสำคัญที่ท่านได้ย้ำสอนญาติโยมทั้งหลายให้เข้าใจถึงบุญกุศล และอานิสงส์ของการให้ทาน ที่ยิ่งให้ก็ยิ่งได้ เพื่อเป็นแบบอย่างให้ทุกคนทำตาม และเป็นอุบายให้ญาติโยมได้ขัดเกลากิเลส ความโลภ ความตระหนี่ ออกไปจากจิตใจของเรานั่นเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น