หลวงตาพวง สุขินทริโย

วันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2553

13. เป็น "สุขินทริโยภิกขุ"

ในปี พ.ศ. 2490 ช่วงที่พำนักอยู่ที่วัดป่าบ้านท่าสองคอน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร เป็นปีที่ 2 สามเณรพวง ลุล่วง มีอายุครบ 20 ปีพอดี ได้เวลาที่จะบวชเป็นภิกษุ ประกอบกับมีสามเณรที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันอีก 3 รูป ก็จะเข้าอุปสมบทด้วย แต่วัดป่าบ้านท่าสองคอนที่พำนัก และสำนักสงฆ์อื่นๆบริเวณใกล้เคียงไม่มีพระอุโบสถ อันเป็นสถานที่ประกอบพิธีในการอุปสมบท เพราะสำนักปฏิบัติธรรมของสายพระอาจารย์มั่นไม่เน้นที่จะสร้างถาวรวัตถุ หากแต่เน้นการปฏิบัติจริงในการเข้าถึงธรรม ซึ่งเป็นแก่นที่สำคัญที่สุดในพระพุทธศาสนา

คณะสงฆ์ศิษย์ของหลวงปู่มั่นจึงได้จัดหาสถานที่สำหรับอุปสมบท โดยเลือกที่สำนักสงฆ์บ้านหนองโดก เป็นสถานที่สำหรับอุปสมบท การจัดเตรียมการอุปสมบทในครั้งนั้นได้จัดบนพระอุโบสถกลางลำน้ำ โดยนำเรือพายที่อยู่บริเวณนั้นมาจอดเรียงรายชิดติดกันหลาย ๆ ลำ แล้วได้นำแผ่นกระดานไม้มาปูเรียงบนลำเรือติดกันจนเป็นแพขนาดใหญ่ที่พอจะประกอบพิธีกรรมในการอุปสมบทได้

การอุปสมบทของสามเณรพวงครั้งนี้ มีพระเดชพระคุณพระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระภิกษุสงฆ์ที่เข้าร่วมพิธีในการอุปสมบทในครั้งนี้ นับว่าเป็นพระอริยสงฆ์ที่ทรงภูมิปัญญาทางธรรมเป็นอย่างยิ่ง ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มีศีลธรรมจริยาวัตรที่งดงาม และเป็นกำลังสำคัญในการเผยแผ่พระศาสนาในด้านวิปัสสนากรรมฐานของสายหลวงปู่มั่น ในเวลาต่อมา

สามเณรพวง ลุล่วง ได้รับฉายาในทางพระพุทธศาสนาว่า "สุขินทริโย" ซึ่งแปลว่า"ผู้มีความสุขเป็นใหญ่" อุปสมบทเมื่อวันจันทร์ ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 12 ปีกุน ตรงกับวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490

ตอนหลังสำนักสงฆ์วัดบ้าหนองโดก อยู่ใน ต.ช้างมิ่ง อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร แห่งนี้ได้ยกฐานะเป็นวัดป่าหนองโดก เพื่อเป็นวัดคู่กับวัดป่าบ้านหนองผือของพระอาจารย์มั่น ทั้งให้ถูกต้องตามอัธยาศัยของหลวงปู่มั่น เพื่อจะได้รับพระใหม่ที่มาศึกษาภาวนา เป็นการแบ่งเบาภาระของหลวงปู่มั่น โดยมีพระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ เป็นเจ้าอาวาส

พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ ได้จำพรรษาที่นี่เป็นเวลาหลายปี ระหว่างนั้นท่านได้ไปฟังเทศน์ และทำกิจวัตรต่างๆ ร่วมกับหลวงปู่มั่นเป็นประจำ หากสิ่งใดบกพร่อง หลวงปู่อ่อนก็จัดหาไปถวายหลวงปู่มั่นมิได้ขาด ส่วนวัดป่าหนองโดกแห่งนี้ ตอนหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น วัดป่าโสตถิผล ซึ่งปัจจุบันมีหลวงปู่บุญหนา ธัมมทินโน ซึ่งเป็นเณรของหลวงปู่อ่อน ตั้งแต่สมัยนั้นเป็นเจ้าอาวาส และยังเป็นที่พึ่งของอุบาสกอุบาสิกาทั้งหลายในปัจจุบัน

เมื่ออุปสมบทเป็นพระพวง สุขินทริโย แล้ว ก็ได้กลับมาจำพรรษาที่สำนักสงฆ์บ้านท่าสองคอนพร้อมกับหมู่คณะรวมเป็น 5 รูป ท่านมีความรู้ด้านช่างและการก่อสร้างจึงเป็นกำลังสำคัญในการช่วยพระอาจารย์บุญช่วยบุกเบิกสำนักสงฆ์บ้านท่าสองคอน แม้จะมีภาระในการบุกเบิกสำนักสงฆ์ใหม่ พระพวงก็หาได้ละเลยการปฏิบัติไม่ ท่านเอาจริงเอาจังอย่างยิ่งในการปฏิบัติภาวนา เดินจงกรม นั่งสมาธิ บางครั้งก็ยังมีอุบายในการการปฏิบัติ โดยการแข่งกันนั่งสมาธิ เดินจงกรมกับเพื่อนๆ ที่จำพรรษาอยู่ด้วยกัน ในวันสำคัญเช่น วันพระใหญ่พระพวงก็เดินจงกรมนั่งสมาธิตลอดทั้งคืน โดยไม่นอน แสดงให้เห็นถึงความแน่วแน่ในการปฎิบัติเพื่อบรรลุมรรคผลนิพพานของพระพวง สุขินทริโย อย่างแท้จริง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น